ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประเทศจีน

สวัสดีแฟนๆ นักท่องเที่ยวที่น่ารักของผมทุกท่านครับห่างหายจากการไปทัวร์แถบตะวันออกเสียนานวันนี้ก็กลับมาพบกันอีกครั้ง ในบทความชุดที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ผมจะนำลูกทัวร์ของผมทุกท่านไปเยือนแดนดินถิ่นมหาอำนาจแห่งตะวันออกซึ่งก็คือทัวร์จีนนั่นเองครับโดยก่อนที่เราจะทราบว่าประเทศแห่งนี้มีอะไรดีจึงสามารถดึงดูดบรรดาคนไทยและคนทั่วโลกให้ไปทัวร์จีนกันมากขึ้นในทุกๆ ปีเราไปดูสภาพเรื่องทั่วๆ ไปของประเทศจีนกันก่อนดีกว่าครับ

               ประเทศจีนหรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “สาธารณะรัฐประชาชนจีน” นั้นตั้งอยู่บริเวณทางด้านตะวันออกของทวีปเอเชียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดโดยมีพื้นที่ประมาณ  9.6 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งประเทศจีนนั้นมีพรมแดนติดต่อประเทศต่าง ๆ ถึง 15 ประเทศ ด้วยกันคือ ประเทศเกาหลีเหนือ, รัสเซีย, มองโกเลีย, คาซัคสถาน, เคอร์กิซสถาน,   ทาจิกิสถาน, อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, อินเดีย, เนปาล, สิกขิม, ภูฐาน, พม่า, ลาว และเวียดนาม โดยมีเส้นพรมแดนทางบกยาวมากกว่า 20, 000 กิโลเมตร ส่วนทิศตะวันออกและทิศใต้จดทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้

               และเนื่องจากการที่ประเทศจีนมีขนาดกว้างใหญ่เช่นนี้เองจึงไม่แปลกใจเลยที่ประเทศจีนจะมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายกระจายอยู่ตลอดทั่วทั้งประเทศอีกทั้งสิ่งก่อสร้างแต่ละอย่างนั้นก็มีขนาดใหญ่โตมโหฬารและมีประวัติความเป็นมาอันแสนจะยาวนานดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบในเรื่องของประวัติศาสตร์และให้ไปทัวร์จีนได้อย่างต่อเนื่องส่วนจะมีสถานที่ใดบ้างนั้นเราจะค่อยๆ พูดถึงในตอนต่อไป ว่าแต่ตอนนี้ทุกท่านพร้อมที่จะไปทัวร์จีนกับผมหรือยังครับ???

ของใช้ทารกเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ

baby-007

คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ ท่านนั้น อาจจะคิดว่าของใช้ทารกนั้นมีไม่เยอะหรอก แต่จริงๆ  แล้วนั้น ของใช้ทารกเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมากเลยค่ะ เพราะนอกจากเรื่องที่นอน นม เสื้อผ้า ผ้าอ้อมแล้ว ของใช้ทารกที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพนั้นก็มีความสำคัญมากทีเดียว และคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านอาจจะหลงลืมคิดไม่ถึง หรืออาจจะไม่ได้เตรียมไว้ ซึ่งวันนี้จะมาแนะนำของใช้ทารกที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพของลูกน้อยค่ะ

               อย่างแรกเลยที่ต้องเตรียมก็คือ สำลีกับก้านสำลี เอาไว้ดูแลสุขภาพช่องหูและช่องจมูก ในช่วงของหลังใบหูของทารกนั้น จะมีคราบมาเกาะหากปล่อยไว้นาน ๆ จะทำจับตัวกันเป็นก้อน แล้วจะทำให้เกิดเชื้อราได้ ฉะนั้นจึงต้องหมั่นดูแลรักษาเช็ดให้สะอาดอยู่เสมอค่ะ ต่อมาของใช้ทารกที่จะต้องมีติดไว้ นั่นก็คือมหาหิงคุ์ค่ะ ซึ่งจะเอาไว้ทาเมื่อลูกน้อยมีอาการปวดท้อง เพราะระบบการย่อยของเด็กทารกนั้น ยังทำงานได้ไม่ดี บางครั้งดื่มน้ำนมเข้าไปอาจจะมีอาการปวดท้องจนต้องร้องงงแง ดังนั้นควรมีมหาหิงคุ์เอาไว้ทาแก้ปวดท้องของลูก

นอกจากนั้นสุขภาพในช่องปากก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากคราบน้ำนมในช่องปากนั้นสามารถเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียซึ่งทำให้เกิดปัญหาเหงือกอักเสบและฟันผุได้ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อยควรเริ่มตั้งแต่ตอนที่ฟันน้ำนมของลูกน้อยยังไม่ขึ้นค่ะ ให้ใช้ผ้ากอซหรือผ้าอ้อมที่สะอาดจุ่มลงในน้ำสะอาด บิดให้หมาดแล้วนำมาพันไว้ที่นิ้วชี้ข้างที่ถนัด ของคุณแม่ ใช้นิ้วที่พันผ้าเช็ดให้ทั่วช่องปากของลูกน้อยอย่างเบามือ เริ่มจากสันเหงือกบน-ล่าง, กระพุ้งแก้มซ้าย-ขวา แล้วจบด้วยที่ลิ้นของลูก เท่านี้ช่องปากของลูกรักก็จะสะอาดมีสุขภาพดีแล้วค่ะ

เมืองเบิร์น (Bern) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทัวร์ยุโรปการันตี

ขึ้นชื่อว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เป็นใครก็วาดหวังว่าสักครั้งอยากจะไปเที่ยวและจดจำความสวยงามในชีวิต  ทัวร์ยุโรปเลยขอหยิบเอาแค่สถานที่ของเมืองเบิร์นมาเรียกน้ำย่อยก่อน  คิดเอาแล้วกันว่าขนาดแค่เมืองเบิร์นที่เดียวยังน่าไปขนาดนี้ แล้วเราจะไม่ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ได้ยังไง

กรุงเบิร์น เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ มีหมีเป็นสัญลักษณ์ ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางประเทศ เพื่อลดความขัดแย้งของประชาชนในประเทศที่มีอยู่หลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส   ดังนั้นเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ แทนที่จะเป็นเมืองใหญ่ที่มีความทันสมัยอย่างซูริค เจนีวาหรือลูกาโน กลับกลายเป็นเมืองเก่าจากยุคกลางที่สวยงาม ซึ่งก็ช่วยลดข้อครหาจากประชาชนในแต่ละภูมิภาคที่มีความแตกต่างกันเรื่องวัฒนธรรมได้เป็นอย่างมาก เช่น ถ้าจะเลือกเมืองซูริคเป็นเมืองหลวงก็จะหาว่าเข้าข้างประชาชนพลเมืองเชื้อสายเยอรมัน ถ้าเลือกเจนีวาก็จะเอนเอียงไปทางฝรั่งเศส เป็นต้น การที่เลือกกรุงเบิร์นจึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด

เบิร์น ตั้งอยู่ริมคุ้งโค้งของแม่น้ำอาเรอ (Aare River) ทำให้เขตใจกลางเมืองถูกแม่น้ำล้อมรอบไว้ทั้ง 3 ด้าน ซึ่งเป็นชัยภูมิที่เหมาะเจาะในการป้องกันการรุกรานจากศัตรูได้เป็นอย่างดี พื้นที่ริมคุ้งแม่น้ำซึ่งเรียกว่าแหลมรอสส์เฟล (Rossfeld Peninsula) มีระดับพื้นดินยกสูงอยู่ริมตลิ่งค่อนข้างมาก บางช่วงถือว่าเป็นหน้าผาเลยทีเดียว ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าเคลต์จนกระทั่งถูกอาณาจักรโรมันเข้ายึดครอง   แต่ตัวเมืองเบิร์นเริ่มก่อร่างสร้างเป็นเมืองอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันเริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1191 เมื่อ ดยุคแบร์ชโทลด์ที่ 5 แห่งราชวงศ์ซาริงเงิน (Berthod V of Zahringen) เข้ามามีอำนาจปกครองเมือง และมีการสร้างปราสาทปลายแหลมริมฝั่งแม่น้ำอาเรอ ส่วนชื่อเมืองเบิร์นนั้นก็มาจากคำว่า แบร์ ในภาษาดัตซ์ ซึ่งก็คือหมี สัตว์ที่ดยุคแบร์ชโทลด์นำมาตั้งเป็นชื่อเมืองจากการที่ทรงดำริว่าจะตั้งชื่อเมืองตามสัตว์ที่พบและฆ่าได้สำเร็จเป็นตัวแรก        หมีจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ไม่ว่าอะไรก็จะเอาหมีมาเป็นสัญลักษณ์ไปทุกอย่าง และเพื่อยืนยันว่าเบิร์นเป็นเมืองหมีจริงๆ เขาจึงได้สร้างบ่อหมไว้ตรงปลายแหลมริมฝั่งแม่น้ำอาเรอด้านตะวันออกของตัวเมือง ปัจจุบันก็ยังมีหมีตัวเป็นๆให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชม

•    หอนาฬิกาไซท์ล็อค (Zytglogge) –        หอนาฬิกาไซท์ล็อค สัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเบิร์น มีนาฬิกาโบราณตั้งอยู่ทั้ง 2 ด้าน ด้านตะวันตกเป็นนาฬิกามีเข็มธรรมดา แต่ด้านตะวันออกเป๋นนาฬิกาดาราศาสตร์โบราณสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1530 โดย 4 นาทีก่อนนาฬิกาจะตีบอกชั่วโมง ก็จะมีตุ๊กตากลซึ่งมีทั้งรูปหมี สิงโต ไก่ อัศวิน และตัวตลกออกมาเคลื่อนไหวทำท่าต่างๆประกอบกับเสียงแปลกๆเรียกรอยยิ้มของผู้ที่ผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี

•    บ้านไอน์สไตน์ (Einstein Haus) –        เป็นบ้านที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยอดนักวิทยาศาสตร์เอกของโลกของ “ทฤษฎีสัมพัทธภาพ” สังเกตง่ายๆบนหน้าต่างบ้านชั้น 2 มีรูปของเขาติดอยู่ ไอน์สไตน์เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อครั้งมาทำงานเป็นผู้ตรวจสอบของสำนักงานสิทธิบัตรของสวิส ในช่วงปี ค.ศ. 1902 ทำให้เขาได้เห็นสิ่งประดิษฐ์คิดค้นหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ซึ่งน่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ช่วยให้เขาค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพด้วยความช่างคิดช่างสังเกตความเป็นอัจฉริยะของเขาจนทำให้โ,กตะลึง และสิ่งประดิษฐ์ที่มีทั้งโทษและประโยชน์มหาศาลจากทฤษฎีนี้ก็คือ “พลังงานนิวเคลียร์”        ปัจจุบันห้องแถวที่เขาเคยพักอาศัยจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงห้องหับต่างๆ แสดงภาพถ่ายเครื่องครัว ห้องทำงาน และข้าวของอื่นๆ เก็บไว้ให้ได้ชม อาจจะไม่มีอะไรมากแต่ก็ถือว่าได้ไปย่ำรอบยอดนักวิทยาศาสตร์เอกชาวเยอรมันที่โลกตะลึงผู้นี้

•    มหาวิหารมึนสเตอร์ (Munster) –        มึนสเตอร์ เป็นโบสถ์โกธิคสไตล์เยอรมัน เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1421 แต่มาแล้วเสร็จในอีก 470 ปีต่อมา แม้จะขนาดไม่ใหญ่โตอลังการเหมือนโบสถ์วิหารอื่นๆตามที่เราเคยเห็นมาในอิตาลีหรือฝรั่งเศส แต่มหาวิหารแห่งกรุงเบิร์นแห่งนี้ก็มียอดหอคอยที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ มีความสูงถึง 100 เมตร และที่สำคัญเขาเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์บนหอคอยได้ด้วย

•    สวนหมีสัญลักษณ์กรุงเบิร์น –        สวนหมี หรือ เบเรนกราเบิน(Barengraben) สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ทราบว่าเบิร์นแห่งนี้เป็นเมืองหมี ภายในมีหมีสีน้ำตาลอยู่ 4-5 ตัว อาศัยอยู่ในรั้วตาข่ายริมฝั่งแม่น้ำอาเรอที่สูงชันในอดีตเขาสร้างบ่อหมีให้อยู่คู่เมืองเบิร์นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ย้ายที่ตั้งไปหลายแห่งจนครั้งล่าสุดย้ายมาอยู่ในที่ปัจจุบันนี้เมื่อปี 1996

เปิดตำนานศาลไคฟง (เปาบุ้นจิ้น) กับทัวร์จีน

“ใครทำความผิด..ให้พาไปยังเครื่องประหารหัวสุนัข”  นี่คงจะเป็นวลียอดฮิตจากละครจีนเรื่องยาว “เปาบุ้นจิ้น”  ผู้ซึ่งทรงคุณธรรมประจำอยู่ที่ศาลไคฟง  วันนี้แหล่ะ ที่ชาวทัวร์จีนจะพาคุณไปสัมผัสกับบรรยากาศของศาลไคฟงแบบใกล้ชิด

                ศาลไคฟง ท่านเปาบุ้นจิ้น ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องความยุติธรรม ในสมัยราชวงศ์ซ่ง สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1984 บนเนื้อที่ 4,000 ตร.ม. โดยสร้างตามแบบสมัยราชวงศ์ซ้อง เป็นสถานที่ที่ใช้ในการพิพากษาคดีของท่านเปาบุ้นจิ้น ขุนนางผู้ที่มีความซื่อสัตย์ยุติธรรมจนเป็นที่เลื่องลือแห่งราชวงศ์ซ่ง ปัจจุบันอยู่ในอำเภอไคฟงหรืออดีตคือกรุงไคฟง จังหวัดเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เดิมจมน้ำพังทลายไปหมดสิ้น ต่อมารัฐบาลจีนได้บูรณะขึ้น ปัจจุบันในเวลาเก้านาฬิกาของทุก ๆ วัน จะมีผู้แต่งกายเป็นเปาบุ้นจิ้นออกมาเปิดศาลไคฟงรับเรื่อง ราวร้องทุกข์และพิจารณาคดี นอกจากนี้ ที่ศาลใหม่ดังกล่าวมีการจัดแสดงไว้ที่หน้าห้องว่าความซึ่งชุดเครื่องประหารของเปาบุ้นจิ้น ด้านในห้องมีหุ่นขี้ผึ้งของคณะเปาบุ้นจิ้น ด้านมี “ชิงซินโหลว” หรือ “บ้านใจบริสุทธิ์” เชื่อกันว่าเป็นจวนของเปาบุ้นจิ้น โดยเป็นหอสูงสี่ชั้น ชั้นที่หนึ่งปัจจุบันมีรูปปั้นเปาบุ้นจิ้นอยู่ รูปปั้นนี้หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์สูง 3.8 เมตร หนัก 5.6 ตัน นับว่าเป็นรูปปั้นที่หนักที่สุดในเมืองจีน

      เปาบุ้นจิ้นนั้นเป็นที่เลื่องลือกันทั่วไปถึงความเข้มงวดในการปฏิบัติราชการ ความกตัญญูกตเวที และการปฏิเสธความ อยุติธรรมและการทุจริตในหน้าที่ราชการชนิดหัวชนฝา ชื่อเสียงดังกล่าวทำให้เปาบุ้นจิ้นกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ยุติธรรม และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วกระทั่งต่อมาได้รับความนับถือเลื่อมใสถึงขนาดยกย่องเสมอเทพเจ้า

ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฮ่องกงก่อนเดินทาง

ทัวร์ฮ่องกงขอแนะนำลูกทัวร์..ก่อนเที่ยวควรศึกษาของมูลก่อนออกเดินทาง

“ฮ่องกง” เป็นภาษากวางตุ้ง ซึ่งมาจากภาษาจีนกลาง ว่า “เซียงก่าง” ความหมายก็ไม่เหมือนใคร หมายความว่า “ท่าเรือหอม” มีความเป็นมา สืบเนื่องมาแต่ครั้งที่กวางตุ้ง เป็นแหล่งปลูกไม้หอมชนิดหนึ่ง ส่งขายเป็นสินค้าออก โดยที่ต้องมาขนถ่ายสินค้ากัน ที่ท่าเรือน้ำลึกตอนใต้สุดของแผ่นดินจีน

                  เมื่อราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีเรือของกองทัพอังกฤษ นำโดยกัปตัน Charles Elliot (ชาร์ลส์ อีเลียต) แล่นผ่านน่านน้ำระหว่าง แหลมเกาลูนและเกาะแห่งหนึ่งที่ร่ำลือกันว่า เป็นที่หลบลมพายุของพวกโจรสลัด กัปตันอีเลียต เกิดได้กลิ่นหอมชนิดหนึ่ง จึงจอดเรือและขึ้นฝั่ง ส่งล่ามลงไปสอบถาม ได้ความว่าเป็นท่าเรือหอม ใช้ขนถ่ายไม้หอม กัปตันรับทราบด้วยความประทับใจ

                  เมื่อกัปตันอีเลียตเดินทางกลับสู่อังกฤษและได้รับการแต่งตั้งให้ไปประจำการฝ่ายการพาณิชย์ของอังกฤษในภาคพื้นเอเซีย ซึ่งขณะนั้นเอง ประเทศอังกฤษซึ่งปกครองโดยพระนางวิกตอเรีย กำลังต้องการอาณานิคมในแถบทะเลจีนใต้ เพื่อใช้เป็นที่จัดส่งสินค้า หรือฝิ่นนั่นเอง และประจวบเหมาะพอดีกับที่ฝ่ายอังกฤษและจีน กำลังมีปัญหาเรื่องการค้าฝิ่นในแถบกวางตุ้งของจีน จนทำให้เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ขึ้น ในปี ค.ศ. 1839 กัปตันอีเลียตจึงตัดสินใจยกพลขึ้นบกที่ท่าเรือกลิ่นหอม และประกาศให้ดินแดนแถบนั้นเป็นของอังกฤษ ในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ.1841

                  ว่ากันว่ามีเหตุการณ์ที่น่าขัน และสร้างความขายหน้าให้กับพระราชินีวิคตอเรียยิ่งนัก ที่กองทหารอังกฤษเข้ายึดเกาะที่มีแต่หินโสโครก หาประโยชน์ไม่ได้เลย กัปตันอีเลียตจึงถูกลงโทษด้วยการส่งไปเป็นกงสุลอังกฤษประจำเท็กซัสแทน

                  ตั้งแต่นั้น จีนและอังกฤษกระทบกระทั่งกันเรื่องการค้าฝิ่นเรื่อยมา เกิดสงครามฝิ่นถึงสองครั้ง หลังสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี่เอง อังกฤษได้บีบบังคับให้จีนทำสัญญา โดยให้อังกฤษเช่าฮ่องกงทั้งหมด เป็นเวลา 99 ปี โดยกำหนดวันหมดสัญญาไว้วันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1997 ด้วยภูมิประเทศของฮ่องกงเอง ที่เป็นเมืองท่าน้ำลึก เหมาะแก่การจอดเรือสินค้าขนาดใหญ่ จึงทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลก

                  ผู้สำเร็จราชการคนแรกที่มาประจำยังเกาะฮ่องกง ท่านลอร์ด Palmerston เคยขนานนามเกาะแห่งนี้ไว้ว่า “หินไร้ค่า” แต่อังกฤษได้ช่วยวางรากฐานการศึกษา การปกครอง และผังเมืองให้ฮ่องกงเป็นอย่างดี เพียง ชั่วพริบตาเดียว ฮ่องกงได้กลับกลายเป็นศูนย์กลางพาณิชย์และยังเป็นประตูเปิดสู่ประเทศจีน ปลายศตวรรษที่ 19 ดินแดงตอนปลายคราบสมุทรเกาลูนก็ตกเป็นอาณานิคม และอังกฤษยังได้สิทธิเช่าเขตนิวเทอริทอรี่ส์ เป็นเวลา 99 ปี ซึ่งอังกฤษได้ทำพิธีส่งคืนเกาะฮ่องกง ให้แก่จีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1997 ไปเรียบร้อย ทั้งนี้เคยมีการเจรจาระหว่างอังกฤษโดย นางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กับ นายเติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำฝ่ายจีน เพื่อเจรจาขอเช่าเกาะฮ่องกงต่อ แต่ได้รับการปฏิเสธ และในปีเดียวกันนั้น วันที่ 26 กันยายน ผู้นำทั้งสองจึงเปิดเจรจาอีกครั้งและลงนามในสัญญา โดยมีสาระสำคัญว่า อังกฤษจะยอมส่งมอบคืนเกาะฮ่องกงให้กับจีน และจีนได้ให้สัญญาว่าจะยอมให้ฮ่องกง อยู่ในฐานะ “เขตปกครองตนเอง” ภายใน 50 ปี

                  ปัจจุบันจีนได้มอบหมายให้ นายตงจิ้นหวา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการฮ่องกง และจีนได้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้รัฐบาลปักกิ่งรับผิดชอบด้านกิจการต่างประเทศ การทหาร และความมั่งคงเท่านั้น ส่วนการบริหารยังคงให้อิสระแก่ชาวฮ่องกงเหมือนเดิม

                  อย่างไรก็ตามด้วยทำเลอันเหมาะสม เกาะฮ่องกงก็ยังมีบทบาทสำคัญยิ่งในศตวรรษที่ 21 ในฐานะเมืองท่าการค้าระหว่างประเทศ ฐานที่ตั้งสำคัญของผู้ผลิต และศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

รูปแบบการปกครอง

                ฮ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลจีนได้ใช้นโยบาย หนึ่งประเทศสองระบบในการปกครองฮ่องกง ตามกฎหมายพื้นฐานที่ใช้ในการปกครองและบริหารฮ่องกง ที่สภาประชาชนจีนได้อนุมัติและประกาศใช้เป็นกฎหมาย เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2533 โดยให้สิทธิฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างอิสระ สามารถดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การพาณิชย์ ฯลฯ ได้ตามระบบเสรี รัฐบาลจีนได้กำหนดให้ฮ่องกงสามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเสรีต่อไปได้อีกเป็นเวลา 50 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลจีนได้รับฮ่องกงกลับคืนจากรัฐบาลอังกฤษ

ภูมิประเทศ

                  ฮ่องกงมีพื้นที่รวม 1,096.63 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะฮ่องกง (80.30 ตร.กม.) เกาลูน (46.71 ตร.กม.) เขตดินแดนใหม่ (New Territories) และเกาะอื่น ๆ (969.62 ตร.กม.) หรือขนาดประมาณ 1 ใน 6 ของพื้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้

                  ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเกาะฮ่องกง เกาลูนและเขตดินแดนใหม่ จะเป็นแนวเขาทอดตัวยาวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือลงสู่ทิศใต้ เป็นแนวเขาที่ต่อเนื่องมาจากมณฑลฝูเจี้ยนและกว่างตงที่อยู่ทางตอนใต้ของจีน แต่เนื่องจากเขตเทือกเขาแต่ครั้งโบราณนั้น ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ จึงเกิดเป็นทัศนียภาพเกาะแก่งเล็ก ๆ ที่มีลักษณะลาดชันผุดโพล่ขึ้นมากมาย

 ภูมิอากาศ

                  ฤดูร้อนอากาศร้อนชื้น มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 26-30 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวอากาศเย็นสบายและแห้ง น้อยครั้งที่จะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนฝนตกชุกและมีลมแรง ฤดูร้อนมักเกิดลมมรสุม ควรติดต่อสอบถามสภาพอากาศก่อนการเดินทาง

ทำมาค้าขาย ขายสินค้า