Category Archives: ท่องเที่ยว

ชมความสวยงาม ณ พระเจดีย์ไจปุ่น

myanmar-0007

ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสวยงามของประเทศพม่าแล้วงานนี้ทัวร์พม่า จะพลาดพาคุณๆไปชมพระเจดีย์ไจปุ่น ได้อย่างไรกัน แต่ก่อนที่จะกลายเป็นพระเจดีย์ที่มีผู้คนนิยมนับถือสักการะก็ใช้เวลาอันยาวนานพร้อมประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ทัวร์พม่าเองเลยขอหยิบประวัติของพระเจดีย์แห่งนี้มาเล่าให้คุณๆฟังกัน

พระเจดีย์ไจปุ่น(Kyaikpun Pagoda) ซึ่งมีอายุมากกว่า 500 ปี สร้างเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์หันพระ พักตร์ไปทุกทิศทางแทนความหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ในภัทรกัป มีตำนานเล่าว่า พระราชธิดาทั้งสี่องค์ของกษัตริย์มอญสร้างไว้ โดยอธิษฐานว่า จะไม่ยอมอภิเษก แต่ตอนหลังพระธิดาองค์เล็กได้อภิเษก เป็นการผิดสัจจะ พระพุทธรูปองค์หนึ่งในจำนวนสี่องค์นี้ ก็เลยพังทลายลงมา. เมืองพุกาม นับแต่พระเจ้าอโนรธาตีเมืองตะโถ่งได้ในปี 1057 จนกุบไล่ขาน ยกทัพมาเหยียบเมืองพุกาม ในปี 1287 นั้น มีการ สร้างวัดวาอาราม และสถูปเจดีย์ขึ้นบนที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้กว่า 13,000 แห่ง แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปได้เพียง เจ็ดร้อยปี กลับมีศาสนสถาน หลงเหลืออยู่ราว 2,000 แห่งเท่านั้น นอกนั้นกลายเป็นซากกองอิฐ ที่ปรักหักพังบ้าง ถูกแม่น้ำ เอยาวดี พัดหายไปบ้าง แต่มรดกจาก ยุคทอง ของการสร้างวัดวาอาราม ที่เหลือตกทอดมาให้ผู้คน ในปัจจุบัน ได้ชื่นชม ก็ยัง ต้องถือว่ามีอยู่ไม่น้อยเลยอยู่ดี ถ้าพุกามตั้งอยู่บน เส้นทาง การท่องเที่ยวสำคัญของเอเชีย แทนที่จะเป็นที่ราบอันร้อนและ แห้งแล้ง ในภาคกลางของพม่าเช่นนี้ ก็คงจะเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ในหมู่ชาวตะวันตก ไม่ต่างจากกำแพงเมืองจีน หรือ ทัชมาฮาล ไปเสียนานแล้ว ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 พระเจ้าตะมุดะริด (สมุทรฤทธิ์) ทรงนำชาว ปยู มาตั้งบ้านเมืองขึ้นในเขต ที่ราบพุกาม แต่เมืองแบบ ที่มีกำแพงล้อมรอบนั้น เพิ่งมาสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 849 ในรัชสมัย ของพระเจ้าปหยิ่นปยา ครั้นพระเจ้าอโนรธา ขึ้นครองราชย์ เป็นกษัตริย์องค์ที่ 42 แห่งราชวงศ์พุกาม ก็ทรงทำนุบำรุงบ้านเมือง จนรุ่งเรือง และรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีกใน รัชสมัยพระเจ้าญานสิทธา พระเจ้าอโนรธา ทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองบัลลังก์ในปี 1044 ทรงพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์พุกามด้วยการพิชิตราชธานี ของ พวกมอญลงได้ในปี 1507 เมืองพุกาม หรือที่เรารู้จักในนาม อาณาจักรพุกามเดิม (Pagan หรือ Bagan) เมืองมรดกโลก ตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงย่างกุ้ง 680 กิโลเมตร เป็นดินแดนอารยธรรม แห่งหนึ่งของโลก เพราะมีวัดวาอารามมากมาย ตลอดจนเจดีย์กว่า 2,000 องค์

นับแต่พระเจ้าอโนรธาตีเมืองตะโถ่งได้ในปี 1057 จนกุบไล่ขานยกทัพมาเหยียบเมืองพุกามในปี 1287 นั้น มีการ สร้างวัดวาอาราม และสถูปเจดีย์ขึ้นบนที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้กว่า 13,000 แห่ง แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปได้เพียง เจ็ดร้อยปี กลับมีศาสนสถานหลงเหลืออยู่ราว 2,000 แห่งเท่านั้น นอกนั้นกลายเป็นซากกองอิฐที่ปรักหักพังบ้าง ถูกแม่น้ำ เอยาวดี พัดหายไปบ้าง แต่มรดกจากยุคทองของการสร้างวัดวาอารามที่เหลือตกทอดมาให้ผู้คนในปัจจุบันได้ชื่นชม ก็ยัง ต้องถือว่ามีอยู่ไม่น้อยเลยอยู่ดี ถ้าพุกามตั้งอยู่บนเส้นทางการท่องเที่ยวสำคัญของเอเชีย แทนที่จะเป็นที่ราบอันร้อนและ แห้งแล้ง ในภาคกลางของพม่าเช่นนี้ ก็คงจะเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในหมู่ชาวตะวันตก ไม่ต่างจากกำแพงเมืองจีน หรือ ทัชมาฮาลไปเสียนานแล้ว ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 พระเจ้าตะมุดะริด (สมุทรฤทธิ์) ทรงนำชาวปยู มาตั้งบ้านเมืองขึ้นในเขต ที่ราบพุกาม แต่เมืองแบบที่มีกำแพงล้อมรอบนั้น เพิ่งมาสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 849 ในรัชสมัยของพระเจ้าปหยิ่นปยา ครั้นพระเจ้าอโนรธา ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 42 แห่งราชวงศ์พุกาม ก็ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองจนรุ่งเรือง และรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีกใน รัชสมัยพระเจ้าญานสิทธา พระเจ้าอโนรธา ทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองบัลลังก์ในปี 1044 ทรงพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ พุกามด้วยการพิชิตราชธานีของพวกมอญลงได้ในปี 1507

ทัวร์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา

india-0103

ทิ้งท้ายเอาไว้ในบทความตอนที่แล้วว่าคนบ้านเราที่ไปท่องเที่ยวอินเดียส่วนใหญ่นั้นย่อมจะน่าจะไปเพื่อที่จะการแสวงบุญใช่หรือไม่เดินตามรอยอารยธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศาสดาเอกของศาสนาพุทธเสียคือส่วนใหญ่มีแค่ส่วนน้อยที่จะคงจะไปทัวร์อินเดียสำหรับการช็อปปิ้งเหมือนฝรั่งเศสหรือเปล่าฮ่องกง ซึ่งมักขอบอกฮะการไปทัวร์อินเดียเพื่อตามรอยบาทพระพุทธองค์นั้นเป็นการทัวร์ที่มีความน่าชอบไม่น้อยส่วนจะอาจน่าสนใจแค่ไหน อย่างไร เราไปดูพร้อมๆ กันขอรับกระผม

               การทัวร์อินเดียสำหรับตามรอยนั้นบริษัททัวร์ที่ส่วนใหญ่มักจะน่าจะจัดกันคือแพทเทิร์นซึ่งไม่ว่าทัวร์ไหนก็จะจะจัดแบบนื้คือพานำชมสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งอันประกอบด้วยสถานที่ประสูติ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา พร้อมทั้งสถานที่ปรินิพพาน ซึ่งบริษัททัวร์จะเรียกซอฟต์แวร์นี้ว่า ทัวร์สังเวชนียสถานสี่ตำบลการเดินทางไปทัวร์ตามรอยนี้จะก็จะเริ่มต้นที่ลุมพินีวันอันเป็นสถานที่กำเนิดขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยสถานที่แห่งนี้ปัจจุบันได้รับการบูรณะจนสวยงามพร้อมทั้งมีการทำพระพุทธเจ้าน้อยโดยการร่วมใจของมนุษย์ชาวไทยมาประดิษฐานไว้ ณ ที่นี่เช่นกันครับ

               หลังจากผ่านลุมพินีวันไปทางทัวร์เค้าก็จะอาจพาเราไปยังพุทธคยาสถานที่ตรัสรู้ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ก็มีประวัติความคือมาในสมัยพุทธกาลที่น่าสนใจไม่แพ้ที่อื่นตัวอย่างเช่นกัน ส่วนที่เมืองสารนาถนั้นคือสถานที่พระองค์ได้แสดงปฐมเทศนาซึ่งจะต้องแน่นอนว่าเป็นที่ตั้งของป่าอิสิปตนมฤคทายวันในสมัยโบราณนั่นเอง

               ส่วนสถานที่สุดท้ายที่เขาจะคงจะพาเราไปทัวร์ปิดท้ายนั้นก็คือเมืองกุสินาราเมืองที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานพร้อมด้วยถวายพระเพลิงพระสรีรางคารนั่นเองครับ ซึ่งการทัวร์สถานที่ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ภายใน 1 วัน

เล่าเรื่อง อิสตันบูล โดยสังเขป

ถ้าหากทีมงานโปรแกรมทัวร์ตุรกี  ถามคำถามหนึ่งคำว่า คุณรู้จักเมืองอิสตันบูลหรือไม่ ?” จะมีหลายคนตอบว่า ทราบบ้าง ไม่รู้จักบ้าง ซึ่งก็ไม่แปลก  แต่ในเมื่อฉันกำลังจะน่าจะเดินทางไปตุรกี..จะอาจตอบว่าไม่รู้จักอิสตันบูลเลยก็คงดูตลก จนกระทั่งผมเลยขอเชิญชวนข้อมูลเมืองอิสตันบูลให้คุณแบบย่อ ตามด้านส่วนล่างนี้เลย

อิสตันบูล เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดพร้อมทั้งคือเมืองที่มีมนุษย์หนาแน่นหลากหลายที่สุดในตุรกี อิสตันบูล ตั้งอยู่ริมช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) เดิมชื่อว่า คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ที่คือเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากมายในพื้นที่นั้น จึงส่งผลให้อิสตันบลู มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปอาทิ ไปแซนเทียม คอนสแตนติโนเปิล สแตมโบล เป็นต้น

อาณาเขต : ทิศเหนือจรดทะเลดำ (Black Sea ) ทิศตะวันออกติดกับโคจาเอลลี (Kocaeli )และทะเลมาร์มารา (Marmara) ฝั่งตะวันตกติดกับ เทคีร์ดาค์ ( Tekirdag ) พร้อมกับคีร์คลาเรลี (Kirklareli ) มีพื้นที่ประกอบเกาะมาร์มารา (Marmara Island ซึ่งได้สมญานามว่าเป็นเกาะเจ้าชาย Princess’Island 5,712 ตารางกิโลเมตร

อิสตันบลูเป็นเมืองเดียวของตุรกีที่มีบริเวณอยู่ใน 2 ทวีปเป็นทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลียน) พร้อมทั้งทวีปยุโรป (ฝั่ง Trace ของบอกฟอรัส) โดยทั้ง 2 ทวีป ถูกแบ่งออกจากกันโดยช่องแคบบอสฟอรัส ทะเลามาร์มารา พร้อมกับช่องแคบ ดาร์ดาแนลส์

ส่วนในยุโรปแบ่งออกคืออิสตันบลูเก่า และอิสตันบลูใหม่ โดยมีโกลเดนฮอร์นคันอยู่ (Golden Hornเป็นทะเลชายฝั่งรูปร่างเว้าเหมือนเขาสัตว์ เมื่อยามวีคอุทัยและอัสดงแสงจะอาจจะอาบลำน้ำคือประกายระยิบระยับราวทองคำ ) เมืองที่ถูกแบ่งแล้วคือสตัมบลู (Stambul )ทางด้านใต้ พร้อมกับทางกาลาตา (Galata )กับเบโยหลุ (Beyoglu) ทางด้านเหนือ

ภูมิอากาศ ได้รับอิทธิพลมาจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ฤดูหนาวจะน่าจะไม่หนาวเย็นหลายๆ แต่มีฝน ฤดูร้อน อากาศจะอาจจะร้อนพร้อมด้วยแห้ง อุณหภูมิของกลางวันกลางคืนไม่ต่างกันมากนักเฉลี่ยแล้วหิมะตกประมาณ 7 วันต่อปี

อิสตันบลูมีแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดไหลผ่านอิสตันบลูคือ แม่น้ำริวา (Riva) มีปลายทางที่ทะเลดำ พร้อมทั้งยังมีแม่น้ำอิสทินเย    ( Istinye Deresi ) พร้อมทั้งบูยุค (Buyuk Menderes หรือไม่ที่ร็จักในชื่อ Maeander)ไหลลงสู่ช่องแคบบอสฟอรัส

อิสตันบลูเป็นเมืองท่าพาณิชย์ที่สำคัญ มีประชากรทั้งสิ้นประมาณ 8,803,468 ล้านคน

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประเทศจีน

สวัสดีแฟนๆ นักท่องเที่ยวที่น่ารักของผมทุกท่านครับห่างหายจากการไปทัวร์แถบตะวันออกเสียนานวันนี้ก็กลับมาพบกันอีกครั้ง ในบทความชุดที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ผมจะนำลูกทัวร์ของผมทุกท่านไปเยือนแดนดินถิ่นมหาอำนาจแห่งตะวันออกซึ่งก็คือทัวร์จีนนั่นเองครับโดยก่อนที่เราจะทราบว่าประเทศแห่งนี้มีอะไรดีจึงสามารถดึงดูดบรรดาคนไทยและคนทั่วโลกให้ไปทัวร์จีนกันมากขึ้นในทุกๆ ปีเราไปดูสภาพเรื่องทั่วๆ ไปของประเทศจีนกันก่อนดีกว่าครับ

               ประเทศจีนหรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “สาธารณะรัฐประชาชนจีน” นั้นตั้งอยู่บริเวณทางด้านตะวันออกของทวีปเอเชียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดโดยมีพื้นที่ประมาณ  9.6 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งประเทศจีนนั้นมีพรมแดนติดต่อประเทศต่าง ๆ ถึง 15 ประเทศ ด้วยกันคือ ประเทศเกาหลีเหนือ, รัสเซีย, มองโกเลีย, คาซัคสถาน, เคอร์กิซสถาน,   ทาจิกิสถาน, อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, อินเดีย, เนปาล, สิกขิม, ภูฐาน, พม่า, ลาว และเวียดนาม โดยมีเส้นพรมแดนทางบกยาวมากกว่า 20, 000 กิโลเมตร ส่วนทิศตะวันออกและทิศใต้จดทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้

               และเนื่องจากการที่ประเทศจีนมีขนาดกว้างใหญ่เช่นนี้เองจึงไม่แปลกใจเลยที่ประเทศจีนจะมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายกระจายอยู่ตลอดทั่วทั้งประเทศอีกทั้งสิ่งก่อสร้างแต่ละอย่างนั้นก็มีขนาดใหญ่โตมโหฬารและมีประวัติความเป็นมาอันแสนจะยาวนานดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบในเรื่องของประวัติศาสตร์และให้ไปทัวร์จีนได้อย่างต่อเนื่องส่วนจะมีสถานที่ใดบ้างนั้นเราจะค่อยๆ พูดถึงในตอนต่อไป ว่าแต่ตอนนี้ทุกท่านพร้อมที่จะไปทัวร์จีนกับผมหรือยังครับ???

เมืองเบิร์น (Bern) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทัวร์ยุโรปการันตี

ขึ้นชื่อว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เป็นใครก็วาดหวังว่าสักครั้งอยากจะไปเที่ยวและจดจำความสวยงามในชีวิต  ทัวร์ยุโรปเลยขอหยิบเอาแค่สถานที่ของเมืองเบิร์นมาเรียกน้ำย่อยก่อน  คิดเอาแล้วกันว่าขนาดแค่เมืองเบิร์นที่เดียวยังน่าไปขนาดนี้ แล้วเราจะไม่ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ได้ยังไง

กรุงเบิร์น เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ มีหมีเป็นสัญลักษณ์ ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางประเทศ เพื่อลดความขัดแย้งของประชาชนในประเทศที่มีอยู่หลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส   ดังนั้นเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ แทนที่จะเป็นเมืองใหญ่ที่มีความทันสมัยอย่างซูริค เจนีวาหรือลูกาโน กลับกลายเป็นเมืองเก่าจากยุคกลางที่สวยงาม ซึ่งก็ช่วยลดข้อครหาจากประชาชนในแต่ละภูมิภาคที่มีความแตกต่างกันเรื่องวัฒนธรรมได้เป็นอย่างมาก เช่น ถ้าจะเลือกเมืองซูริคเป็นเมืองหลวงก็จะหาว่าเข้าข้างประชาชนพลเมืองเชื้อสายเยอรมัน ถ้าเลือกเจนีวาก็จะเอนเอียงไปทางฝรั่งเศส เป็นต้น การที่เลือกกรุงเบิร์นจึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด

เบิร์น ตั้งอยู่ริมคุ้งโค้งของแม่น้ำอาเรอ (Aare River) ทำให้เขตใจกลางเมืองถูกแม่น้ำล้อมรอบไว้ทั้ง 3 ด้าน ซึ่งเป็นชัยภูมิที่เหมาะเจาะในการป้องกันการรุกรานจากศัตรูได้เป็นอย่างดี พื้นที่ริมคุ้งแม่น้ำซึ่งเรียกว่าแหลมรอสส์เฟล (Rossfeld Peninsula) มีระดับพื้นดินยกสูงอยู่ริมตลิ่งค่อนข้างมาก บางช่วงถือว่าเป็นหน้าผาเลยทีเดียว ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าเคลต์จนกระทั่งถูกอาณาจักรโรมันเข้ายึดครอง   แต่ตัวเมืองเบิร์นเริ่มก่อร่างสร้างเป็นเมืองอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันเริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1191 เมื่อ ดยุคแบร์ชโทลด์ที่ 5 แห่งราชวงศ์ซาริงเงิน (Berthod V of Zahringen) เข้ามามีอำนาจปกครองเมือง และมีการสร้างปราสาทปลายแหลมริมฝั่งแม่น้ำอาเรอ ส่วนชื่อเมืองเบิร์นนั้นก็มาจากคำว่า แบร์ ในภาษาดัตซ์ ซึ่งก็คือหมี สัตว์ที่ดยุคแบร์ชโทลด์นำมาตั้งเป็นชื่อเมืองจากการที่ทรงดำริว่าจะตั้งชื่อเมืองตามสัตว์ที่พบและฆ่าได้สำเร็จเป็นตัวแรก        หมีจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ไม่ว่าอะไรก็จะเอาหมีมาเป็นสัญลักษณ์ไปทุกอย่าง และเพื่อยืนยันว่าเบิร์นเป็นเมืองหมีจริงๆ เขาจึงได้สร้างบ่อหมไว้ตรงปลายแหลมริมฝั่งแม่น้ำอาเรอด้านตะวันออกของตัวเมือง ปัจจุบันก็ยังมีหมีตัวเป็นๆให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชม

•    หอนาฬิกาไซท์ล็อค (Zytglogge) –        หอนาฬิกาไซท์ล็อค สัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเบิร์น มีนาฬิกาโบราณตั้งอยู่ทั้ง 2 ด้าน ด้านตะวันตกเป็นนาฬิกามีเข็มธรรมดา แต่ด้านตะวันออกเป๋นนาฬิกาดาราศาสตร์โบราณสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1530 โดย 4 นาทีก่อนนาฬิกาจะตีบอกชั่วโมง ก็จะมีตุ๊กตากลซึ่งมีทั้งรูปหมี สิงโต ไก่ อัศวิน และตัวตลกออกมาเคลื่อนไหวทำท่าต่างๆประกอบกับเสียงแปลกๆเรียกรอยยิ้มของผู้ที่ผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี

•    บ้านไอน์สไตน์ (Einstein Haus) –        เป็นบ้านที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยอดนักวิทยาศาสตร์เอกของโลกของ “ทฤษฎีสัมพัทธภาพ” สังเกตง่ายๆบนหน้าต่างบ้านชั้น 2 มีรูปของเขาติดอยู่ ไอน์สไตน์เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อครั้งมาทำงานเป็นผู้ตรวจสอบของสำนักงานสิทธิบัตรของสวิส ในช่วงปี ค.ศ. 1902 ทำให้เขาได้เห็นสิ่งประดิษฐ์คิดค้นหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ซึ่งน่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ช่วยให้เขาค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพด้วยความช่างคิดช่างสังเกตความเป็นอัจฉริยะของเขาจนทำให้โ,กตะลึง และสิ่งประดิษฐ์ที่มีทั้งโทษและประโยชน์มหาศาลจากทฤษฎีนี้ก็คือ “พลังงานนิวเคลียร์”        ปัจจุบันห้องแถวที่เขาเคยพักอาศัยจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงห้องหับต่างๆ แสดงภาพถ่ายเครื่องครัว ห้องทำงาน และข้าวของอื่นๆ เก็บไว้ให้ได้ชม อาจจะไม่มีอะไรมากแต่ก็ถือว่าได้ไปย่ำรอบยอดนักวิทยาศาสตร์เอกชาวเยอรมันที่โลกตะลึงผู้นี้

•    มหาวิหารมึนสเตอร์ (Munster) –        มึนสเตอร์ เป็นโบสถ์โกธิคสไตล์เยอรมัน เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1421 แต่มาแล้วเสร็จในอีก 470 ปีต่อมา แม้จะขนาดไม่ใหญ่โตอลังการเหมือนโบสถ์วิหารอื่นๆตามที่เราเคยเห็นมาในอิตาลีหรือฝรั่งเศส แต่มหาวิหารแห่งกรุงเบิร์นแห่งนี้ก็มียอดหอคอยที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ มีความสูงถึง 100 เมตร และที่สำคัญเขาเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์บนหอคอยได้ด้วย

•    สวนหมีสัญลักษณ์กรุงเบิร์น –        สวนหมี หรือ เบเรนกราเบิน(Barengraben) สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ทราบว่าเบิร์นแห่งนี้เป็นเมืองหมี ภายในมีหมีสีน้ำตาลอยู่ 4-5 ตัว อาศัยอยู่ในรั้วตาข่ายริมฝั่งแม่น้ำอาเรอที่สูงชันในอดีตเขาสร้างบ่อหมีให้อยู่คู่เมืองเบิร์นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ย้ายที่ตั้งไปหลายแห่งจนครั้งล่าสุดย้ายมาอยู่ในที่ปัจจุบันนี้เมื่อปี 1996