ขึ้นชื่อว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้ว เป็นใครก็วาดหวังว่าสักครั้งอยากจะไปเที่ยวและจดจำความสวยงามในชีวิต ทัวร์ยุโรปเลยขอหยิบเอาแค่สถานที่ของเมืองเบิร์นมาเรียกน้ำย่อยก่อน คิดเอาแล้วกันว่าขนาดแค่เมืองเบิร์นที่เดียวยังน่าไปขนาดนี้ แล้วเราจะไม่ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ได้ยังไง
กรุงเบิร์น เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ มีหมีเป็นสัญลักษณ์ ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางประเทศ เพื่อลดความขัดแย้งของประชาชนในประเทศที่มีอยู่หลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส ดังนั้นเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ แทนที่จะเป็นเมืองใหญ่ที่มีความทันสมัยอย่างซูริค เจนีวาหรือลูกาโน กลับกลายเป็นเมืองเก่าจากยุคกลางที่สวยงาม ซึ่งก็ช่วยลดข้อครหาจากประชาชนในแต่ละภูมิภาคที่มีความแตกต่างกันเรื่องวัฒนธรรมได้เป็นอย่างมาก เช่น ถ้าจะเลือกเมืองซูริคเป็นเมืองหลวงก็จะหาว่าเข้าข้างประชาชนพลเมืองเชื้อสายเยอรมัน ถ้าเลือกเจนีวาก็จะเอนเอียงไปทางฝรั่งเศส เป็นต้น การที่เลือกกรุงเบิร์นจึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด
เบิร์น ตั้งอยู่ริมคุ้งโค้งของแม่น้ำอาเรอ (Aare River) ทำให้เขตใจกลางเมืองถูกแม่น้ำล้อมรอบไว้ทั้ง 3 ด้าน ซึ่งเป็นชัยภูมิที่เหมาะเจาะในการป้องกันการรุกรานจากศัตรูได้เป็นอย่างดี พื้นที่ริมคุ้งแม่น้ำซึ่งเรียกว่าแหลมรอสส์เฟล (Rossfeld Peninsula) มีระดับพื้นดินยกสูงอยู่ริมตลิ่งค่อนข้างมาก บางช่วงถือว่าเป็นหน้าผาเลยทีเดียว ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าเคลต์จนกระทั่งถูกอาณาจักรโรมันเข้ายึดครอง แต่ตัวเมืองเบิร์นเริ่มก่อร่างสร้างเป็นเมืองอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันเริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1191 เมื่อ ดยุคแบร์ชโทลด์ที่ 5 แห่งราชวงศ์ซาริงเงิน (Berthod V of Zahringen) เข้ามามีอำนาจปกครองเมือง และมีการสร้างปราสาทปลายแหลมริมฝั่งแม่น้ำอาเรอ ส่วนชื่อเมืองเบิร์นนั้นก็มาจากคำว่า แบร์ ในภาษาดัตซ์ ซึ่งก็คือหมี สัตว์ที่ดยุคแบร์ชโทลด์นำมาตั้งเป็นชื่อเมืองจากการที่ทรงดำริว่าจะตั้งชื่อเมืองตามสัตว์ที่พบและฆ่าได้สำเร็จเป็นตัวแรก หมีจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ไม่ว่าอะไรก็จะเอาหมีมาเป็นสัญลักษณ์ไปทุกอย่าง และเพื่อยืนยันว่าเบิร์นเป็นเมืองหมีจริงๆ เขาจึงได้สร้างบ่อหมไว้ตรงปลายแหลมริมฝั่งแม่น้ำอาเรอด้านตะวันออกของตัวเมือง ปัจจุบันก็ยังมีหมีตัวเป็นๆให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชม
• หอนาฬิกาไซท์ล็อค (Zytglogge) – หอนาฬิกาไซท์ล็อค สัญลักษณ์สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเบิร์น มีนาฬิกาโบราณตั้งอยู่ทั้ง 2 ด้าน ด้านตะวันตกเป็นนาฬิกามีเข็มธรรมดา แต่ด้านตะวันออกเป๋นนาฬิกาดาราศาสตร์โบราณสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1530 โดย 4 นาทีก่อนนาฬิกาจะตีบอกชั่วโมง ก็จะมีตุ๊กตากลซึ่งมีทั้งรูปหมี สิงโต ไก่ อัศวิน และตัวตลกออกมาเคลื่อนไหวทำท่าต่างๆประกอบกับเสียงแปลกๆเรียกรอยยิ้มของผู้ที่ผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี
• บ้านไอน์สไตน์ (Einstein Haus) – เป็นบ้านที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยอดนักวิทยาศาสตร์เอกของโลกของ “ทฤษฎีสัมพัทธภาพ” สังเกตง่ายๆบนหน้าต่างบ้านชั้น 2 มีรูปของเขาติดอยู่ ไอน์สไตน์เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อครั้งมาทำงานเป็นผู้ตรวจสอบของสำนักงานสิทธิบัตรของสวิส ในช่วงปี ค.ศ. 1902 ทำให้เขาได้เห็นสิ่งประดิษฐ์คิดค้นหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ซึ่งน่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ช่วยให้เขาค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพด้วยความช่างคิดช่างสังเกตความเป็นอัจฉริยะของเขาจนทำให้โ,กตะลึง และสิ่งประดิษฐ์ที่มีทั้งโทษและประโยชน์มหาศาลจากทฤษฎีนี้ก็คือ “พลังงานนิวเคลียร์” ปัจจุบันห้องแถวที่เขาเคยพักอาศัยจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงห้องหับต่างๆ แสดงภาพถ่ายเครื่องครัว ห้องทำงาน และข้าวของอื่นๆ เก็บไว้ให้ได้ชม อาจจะไม่มีอะไรมากแต่ก็ถือว่าได้ไปย่ำรอบยอดนักวิทยาศาสตร์เอกชาวเยอรมันที่โลกตะลึงผู้นี้
• มหาวิหารมึนสเตอร์ (Munster) – มึนสเตอร์ เป็นโบสถ์โกธิคสไตล์เยอรมัน เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1421 แต่มาแล้วเสร็จในอีก 470 ปีต่อมา แม้จะขนาดไม่ใหญ่โตอลังการเหมือนโบสถ์วิหารอื่นๆตามที่เราเคยเห็นมาในอิตาลีหรือฝรั่งเศส แต่มหาวิหารแห่งกรุงเบิร์นแห่งนี้ก็มียอดหอคอยที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ มีความสูงถึง 100 เมตร และที่สำคัญเขาเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์บนหอคอยได้ด้วย
• สวนหมีสัญลักษณ์กรุงเบิร์น – สวนหมี หรือ เบเรนกราเบิน(Barengraben) สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ทราบว่าเบิร์นแห่งนี้เป็นเมืองหมี ภายในมีหมีสีน้ำตาลอยู่ 4-5 ตัว อาศัยอยู่ในรั้วตาข่ายริมฝั่งแม่น้ำอาเรอที่สูงชันในอดีตเขาสร้างบ่อหมีให้อยู่คู่เมืองเบิร์นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ย้ายที่ตั้งไปหลายแห่งจนครั้งล่าสุดย้ายมาอยู่ในที่ปัจจุบันนี้เมื่อปี 1996