หากใครก็ตามที่มีโอกาสได้ชมข่าวต่างประเทศเมื่อหลายปีก่อนคงจะเคยได้ยินเรื่องของกรณีข้อพิพาทระหว่างประเทศมหาอำนาจสองประเทศที่ต้องการแย่งกันปกครองน่าน้ำบริเวณเกาะมัลดีฟส์จนถึงขนาดที่ว่ามีการนำเอาเรือรบมาจอดคอยท่าพร้อมปะทะกันเลยทีเดียว ซึ่งเหตุการณ์นี้เองส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปทัวร์มัลดีฟส์นั้นลดลงอย่างน่าใจหายโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศที่แต่เดิมเคยมาทัวร์มัลดีฟส์ทุกปีๆ ละมากๆ ต่างก็ไม่มาทัวร์มัลดีฟส์เลยแม้แต่คนเดียวเพราะเนื่องจากว่าทางการของแต่ละประเทศเขาสั่งห้ามด้วยกลัวว่าจะมีการโดนจับเป็นตัวประกันนั่นเองครับ
แต่ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดอยู่นั้นเองก็ยังโชคดีที่มีองค์กรระดับประเทศได้เข้ามาระงับและไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจนทำให้เรื่องที่หลายคนคาดการณ์ด้วยความกังวลว่าจะจบลงด้วยสงครามเป็นอันต้องจบสิ้นไปและท้ายที่สุดแล้วศาลโลกเองก็ได้มีคำตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์ว่ามัลดีฟส์นั้นไม่สามารถเป็นของประเทศใดประเทศหนึ่งได้เพราะมัลดีฟส์นั้นไม่ได้เมืองขึ้นของฝ่ายใดอีกทั้งมัลดีฟส์เองก็ยังได้รับการรับรองในแผนที่โลกจากประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกองค์การยูเนสโกในฐานะสาธารณรัฐมัลดีฟส์ดังนั้นมัลดีฟส์จึงมีสิทธิ์ในการปกครองตนเองเทียบเท่าประเทศๆ หนึ่ง ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยเกิดเรื่องพิพาทกรณีแย่งดินแดนของมัลดีฟส์อีกเลยจนกระทั่งปัจจุบันครับ
ทั้งหมดที่เล่ามานี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ของมัลดีฟส์อีกหน้าหนึ่งสำหรับผู้ที่สนใจในมัลดีฟส์ควรรู้ไว้เพราะเป็นเรื่องที่ได้รับการบันทึกไว้ให้เป็นหนึ่งในประวัติสาสตร์โลกครับ